ลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน (วิเศษณลักษณะ) ของรูปนาม หรือกายใจนี้เป็นเรื่องสำคัญ
ผู้ปฏิบัติที่ไม่เห็นวิเศษณลักษณะ จะไม่สามารถเข้าถึง พระไตรลักษณ์ อันได้แก่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้เลย ต้องเห็นวิเศษณลักษณะก่อน พระไตรลักษณ์จึงปรากฏ พระไตรลักษณ์ไม่ใช่ธรรมที่เรากำหนดให้มีให้เป็นได้ แต่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเองและดับไปเองตามเหตุปัจจัย กล่าวคือเมื่อผู้ปฏิบัติกำหนดรู้ที่กายที่ใจอยู่เนื่องๆ จนเห็นว่ากายนี้ก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ซึ่งแตกต่างกันกับใจ การที่เข้าไปเห็นว่ากายมีลักษณะเฉพาะตัวที่ต่างไปจากใจ เรียกว่าได้เห็นวิเศษณลักษณะชองรูป นาม (รูปธรรม นามธรรม หรือเรียกง่างๆ ว่ากายใจ) เมื่อนั้นก็เห็นพระไตรลักษณ์ แต่ตอนนั้นยังเห็นกายเป็นกลุ่มเป็นก้อน(หรือเป็นธรรมชาติ)หนึ่ง เห็นใจเป็นอีกกลุ่มเป็นก้อนหนึ่ง(หรือเป็นธรรมชาติ)ที่แตกต่างกัน ต่อเมื่อปฏิบัติต่อไป เมื่อวิปัสสนาเจริญขึ้นก็อาจเห็นว่ากายนี้ก็มิได้เป็นกลุ่มเป็นก้อนแต่รูปกับนาม แต่ประกอบไปด้วยธาตุต่างๆ หรืออายตนะต่างๆ เป็นต้น และเข้าใจต่อไปว่า ธาตุแต่ละธาตุที่ประกอบเป็นกายก็มีวิเศษณลักษณะที่แตกต่างกัน ธาตุดินก็มีลักษณะที่แตกต่างไปจากธาตุไฟ เป็นต้น ส่วนจิตก็มิได้เป็นกลุ่มเป็นก้อน กล่าวคือเห็นว่าจิตมิได้มีดวงเดียว จะเห็นการเกิดดับของจิตที่เกิดดับ เกิดดับ เกิดดับ จิตแต่ละดวงก็มีวิเศษณลักษณะที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นจิตมีความอิจฉา กับจิตที่หวงแหนสิ่งของหรือคุณความดีของตนเองมิอยากแบ่งปันให้ผู้อื่นนั้น จิตสองอย่างนี้คือโทสะ แต่ทั้งสองก็เป็นธรรมชาติที่แตกต่างกัน ความรู้สึกอิจฉา กับความรู้สึกหวงแหน ก็ต่างกันโดยวิเศษณลักษณะ แต่ก็นับว่าเป็นอกุศล คือโมหะ
นี้เป็นความรู้ที่เกิดขึ้นได้เองในผู้ปฏบัติ สำหรับท่านที่ไม่เคยศึกษาพระธรรม เมื่อเห็นธรรมชาติใดในกายในใจแล้วก็อาจเรียกชื่อไม่ถูก เพราะขณะที่ปัญญาเกิดขึ้นนั้นเป็นสภาพรู้ที่ไม่มีบัญญัติ ไม่มีชื่อเรียกหรอกว่านี้คือโลภะกำลังดับ แล้วโทสะก็กำลังเกิดต่อกันนะ อะไรอย่างนี้ไม่มี ไม่มีความนึกคิดไม่มีภาษาว่าคืออะไรว่าอะไรเกิดอะไรดับ แต่ก็เข้าใจในสภาวะ มีสภาพรู้ว่ามีสิ่งหนึ่ีงเป็นธรรมชาติที่ดับไป แล้วมีอีกธรรมชาติหนึ่งที่ (มีลักษณะ) แตกต่างกันเกิดขึ้นติดต่อกัน แล้วก็ดับไปเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (สามัญญลักษณะ)
แต่สำหรับท่านที่ได้ศึกษาพระธรรมมาบ้าง เมื่อจิตเริ่มคิดเริ่มนึก ก็สามารถทบทวนเปรียบเทียบความรู้ทางปริยัติกับการปฏิบัต ก็จะมีความเข้าใจปริยัติยิ่งขึ้น
Comments
ดีจริง กระชับ และ เข้าใจง่าย ไม่เห็นเนื้องอก
กุศลธรรมนี้ย่อมส่งผลแด่ท่านผู้เผยแผ่ด้วยความเอื้อเฟื้อ
ผมกินก๋วยเตี๋ยวหลอด ไม่เคยขาดถั่วงอก เพราะถ้าก๋วยเตี๋ยวหลอดขาดถั่วงอก ความอร่อยก็ขาดหายไป
ผมฟังธรรม อ่านข้อธรรม ก็พิจารณาเนื้อธรรมที่เป็นหลัก ไม่ฟังหรืออ่านหลักธรรมที่เป็นเนื้องอก เพราะเนื้องอกของหลักธรรม จะยิ่งทำให้ไปไกลจากหลักธรรม
ขออนุโมทนาความตั้งใจดีของคุณ ธรรมย่อมอยู่กับผู้ประพฤติธรรม เท่านั้นก็มากพอสำหรับผู้ตั้งใจดี
ไม่มุ่งหวังและปล่อยวาง ใจจึงว่างและเป็นสุข
ขอให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านอนาลยา จงถึงสุญตาธรรม
RSS feed for comments to this post