พระะพุทธศาสอนอะไร - พระสูตร-พระอภิธรรม

Article Index

สำหรับพระสูตรนั้น คำสอนในพระสูตรมีทั้งที่เป็นเรื่องราวที่อ่านง่าย ฟัง่าย เข้าใจง่าย เช่นในอังคุลีมาลสูตร เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปโปรดองคุลิมาลโจร เป็นต้น  โดยส่วนตัวข้าพเจ้า นั้นเห็นว่า  ฆราวาสที่สนใจศึกษาพระสูตรมีน้อย  ส่วนใหญ่เป็นพะภิกษุสงฆ์ที่ค้นคว้่าเรื่องราวในพระสูตรที่ไม่ยากนัก เพื่อนำมาประกอบการแสดงพระธรรมเทศนา ทำให้การแสดงธรรมนั้นน่าสนใจ  ไม่น่าเบื่อ แม้แต่เด็กๆ ก็สามารถเข้าใจและจดจำเรื่องราวในพระสูตรและสามารถเปรียบเทียบเรื่องราวนำมาอุปมาอุปมัยกับชีวิตจริงได้  พระสูตรจึงเป็นคำสอนที่เป็นประโยชน์ในการเสริมสร้างศรัทธา  เพื่อโน้มน้าวความสนใจผู้ที่ยังไม่มีพื้นฐานในการศึกษาพระธรรมให้มีความสนใจในพระธรรมเป็นเบื้องต้น

นอกจากนี้  พระสูตรยังประกอบด้วยเรื่องราวที่เกี่ยวกับหลักธรรม หรือแนวทางสำหรับการปฏิบัติเพื่อให้เกิดปัญญา เช่น วิปัสสีสูตร ซึ่งเกี่ยวกับเหตุปัจจัย  และอวิชชาสูตร ซึ่งเกี่ยวกับอาหารของ อวิชชา วิชชา และวิมุตติ เป็นต้น

ความแตกต่างกันระหว่างพระสุตรกับอภิธรรมนั้น  คือพระสูตรใช้ถ้อยคำร้อยเรียงเป็นเรื่องราวมีการยกตัวอย่างเป็นสัตว์ บุคคล สถานที่  ส่วนพระอภิธรรมนั้นเป็นการกล่าวโดยใช้ปรมัตถสัจจะในการอธิบาย  แต่เนื้อหาของพระธรรมในทั้งสองหมวดเป็นไปในทำนองเดียวกัน  ต่างกันเพียงวิธีการสาธยาย

หากท่านมีความสนใจศึกษาพระสูตรจากการฟัง  ข้าพเจ้าขอแนะนำให้ท่านฟังการบรรยายพระสูตรจากอาจารย์ที่เป็นเลิศทางการบรรยายพระสูตรท่านหนึ่ง  คือพระอาจารย์สมบัติ นนฺทิโก ซึ่งท่านสามารถติดต่อสอบถามขอซีดีพระธรรมเทศนาได้ที่มูลนิธิรักษ์ธรรมที่หมายเลขโทรศัพท์ ๐๒-๗๑๑-๕๙๙๗-๘

สุดท้ายคือพระอภิธรรม พอเอ่ยถึงพระอภิธรรม  บางท่านก็ร้องว่า  ยาก  เป็นธรรมที่ยาก  เป็นเรื่องที่มากเกิน  ไม่จำเป็นที่จะศึกษา  ความเป็นจริงก็คือ  ข้าพเจ้าไม่เถียงว่าพระอภิธรรมไม่ยาก เนื่องจากพระอภิธรรมปิฎก เป็นพระพุทธวจนะที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแต่ปรมัตถธรรม  เป็นสภาวธรรมล้วนๆ  ไม่มีสมมติบัญญัติเจือปนเลย  ดังนั้นจึงเป็นธรรมที่พึงรู้ได้โดยยาก  ผู้ที่จะศึกษาเล่าเรียนพระอภิธรรมให้มีความฉลาดรอบรู้ได้เป็นอย่างดีนั้น จึงต้องเป็นบุคคลที่เป็นติเหตุกะปฏิสนธิเท่านั้น คือบุคคลที่เกิดมาด้วยเหตุ ๓  ได้แก่  อโลภะ  อโทสะ  และอโมหะ  ส่วนบุคคลที่เป็นทุเหตุกะปฏิสนธินั้น  ไม่สามารถจะศึกษาเล่าเรียนให้มีความฉลาดรอบรู้ได้ และหากถามว่าจำเป็นต้องศึกษาไหม  ข้าพเจ้าขอตอบด้วยหัวใจว่า  จำเป็นอย่างยิ่ง  ยิ่งกว่าการเรียนวิชาใดๆ ในโลกนี้  แต่หากถามว่า  การศึกษาพระอภิธรรมแค่ไหนที่จะเรียกว่าไม่มากเกินไปนั้น  คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยที่ท่านสร้างมา  และเป็นเรื่องความพอใจของแต่ละท่านซึ่งยากที่จะนำมาเปรียบเทียบกัน   ในเรื่องนี้  ข้าพเจ้าจำแนกบุคคลออกเป็น  ๖  ประเภท  คือ

  • ผู้ที่ไม่สนใจศึกษาพระอภิธรรมเลย  ด้วยไม่เคยทราบ ไม่เเคยแม้จะได้ยินชื่อนี้มาก่อน หรือเคยได้ยิน แต่ไม่ทราบว่าคืออะไร  ประเภทหนึ่ง
  • ผู้ทีทราบว่าพระอภิธรรมคืออะไร  แต่สำคัญผิดเห็นว่าเป็นเพียงคำสอนที่เกจิอาจารย์รจนาขึ้นเพื่อสั่งสอนศิษย์ในภายหลังเท่านั้น  ไม่ใช่พุทธพจนะ  จึงไม่ศึกษาเล่าเรียน  อีกประเภทหนึ่ง
  • และอีกประเภทหนึ่ง ผู้ที่ไม่สนใจศึกษา  เพราะมีความเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องศึกษา  ไม่เห็นประโยชน์  บุคคลประเภทที่สามนี้  นอกจากตนเองไม่ศึกษาแล้วยังมักจะไม่สนับสนุน  หรือไม่เห็นด้วยกับผู้ที่ศึกษา 
  • ส่วนอีกประเภทหนึ่ง  คือผู้ที่มีความสนใจที่จะศึกษาแต่คิดว่ายาก  กลัวว่าจะต้องท่องจำ  คิดว่าตนคงไม่สามารถศึกษาพระอภิธรรมได้
  • หรืออีกประเภทหนึ่ง  คือผู้ที่มีความสนใจเพราะคิว่าเป็นธรรมที่ควรศึกษา  แต่ไม่มีเวลา  หรือสนใจพอประมาณ  ศึกษาบ้าง  แต่มิได้ขวนขวาย  หรือแสวงหาครูอาจารย์
  • อีกประเภทหนึ่ง  คือผู้ที่ศึกษาพระอภิธรรมเพื่อเป็นพื้นฐานของการปฏิบัติกรรมฐาน 
  • ประเภทสุดท้าย  คือบุคคลที่ทุ่มเทกาย  ใจให้กับการศึกษาพระอภิธรรมเป็นอย่างมาก  แสวงหาครูอาจารย์  และสถานที่เรียน  ทั้งท่อง  ทั้งจำ  ทั้งยังเผยแผ่แก่ผู้อื่น  บุคคลเหล่านี้ก็มีมาก  ข้าพเจ้าได้แต่อนุโมทนาเมื่อได้ยินว่าท่านเหล่านี้ (เพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนพระอภิธรรมของข้าพเจ้าเอง)  เช้าวันเสาร์ไปเรียนที่วัดเพลงวิปัสสนาฯ  บ่ายไปเรียนที่วัดสามพระยา  เย็นไปติวที่วัดมหาธาตุฯ รุ่งขึ้นวันอาทิตย์เช้าไปเรียนที่วัดสังเวชฯ  แล้วตอนบ่ายกับตอนเย็น  ก็ไปเรียนที่อื่นๆ อีก เป็นต้น  เรียกว่าเรียนได้วันละ ๓ เวลา

โดยส่วนตัวแล้วข้าพเจ้่าคิดว่า  เหตุที่สำคุญที่สุดที่ทำให้พุทธศาสนิกชนไม่สนใจศึกษาพระอภิธรรมก็เพราะว่าไม่ทราบว่าพระอภิธรรมเป็นการศึกษาเรื่องอะไร  เกี่ยวข้องกับชีวิตที่เป็นอยู่อย่างไร  เมื่อไม่เข้าใจว่าพระอภิธรรมเกี่ยวข้องกับชีวิตอย่างไร  คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว  ก็ไม่เห็นประโยชน์ของการศึกษาพระอภิธรรม  จึงไม่ศึกษา
ดังนั้นข้าพเจ้าจะกล่าวถึงการศึกษาพระอภิธรรม  และประโยชน์  และข้อคิดในการศึกษาพระอภิธรรมโดยย่อ หากท่านอ่านมาถึงบันทัดนี้  ข้าพเจ้าเข้าใจว่าท่านเป็นผู้ที่มีความสนใจในการศึกษาพระธรรมพอสมควร  ท่านคิดหรือไม่่ว่าท่านจัดอยู่ในประเภทใดข้างต้น    ถ้าท่านอยู่ในประเภทที่ ๑ - ๔   ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า  เมื่อท่านอ่านบทความนี้จบลงแล้ว  ท่านจะเปลี่ยนทัศนคติมาเป็นอย่างน้อยก็ประเภทที่  ๕

Comments   

+3 # ปรมัตถธรรม 4ruang 2016-01-19 15:34
ได้รับความรู้กระจ่างชัด ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย ทั้งที่เป็นเรื่องของตัวเราเองแท้ ๆ
Reply | Reply with quote | Quote
+8 # พระอภิธรรมpissamai 2014-03-13 14:05
เป็นมหากุศลมากๆๆ ขออนุโมทนาด้วย
สาธุๆๆๆ อนุโมทามิ
Reply | Reply with quote | Quote
+4 # เพิ่งศึกษาพระอภิธรรมบทที่๑Natthika Rhatcha aree 2014-03-09 02:30
ดิฉันจัดอยู่ในประเภทที่ ๔ ..และเพิ่งจะศึกษาพระอภิธรรมบทที่๑อยู่ค่ะ..จากที่เม ื่อก่อนไปวัดทำบุญ ฟังธรรม บวชเนกขัมมะ ๓วัน-๗วันบ้าง เดินจงกลม นั่งสมาธิ แต่ก็ยังไม่เคยรู้วิธีดับทุกข์ว่าต้องทำอย่างไร..จนไ ด้มาศึกษาหาอ่านและฟังจากซีดีธรรมะต่างๆ จึงได้เข้าใจว่าจริงๆ แล้ว..ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งความทุกข์และความสุข ล้วนเกิดมาจากจิตใจของเราเองทั้งสิ้น..จึงได้สนใจเพื ่อจะศึกษาพระอภิธรรมเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจธร รมชาติการทำงานของกายและใจ เพื่อให้เข้าถึงซึ่งแก่นของพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็ จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและของพระพุทธศาสนาค่ะ.
Reply | Reply with quote | Quote
+2 # ดีมากๆครับพระสมัย ปริปุญฺโญ 2014-01-24 01:40
ควรศึกษาไว้ ศึกษาเป็นประจำ
Reply | Reply with quote | Quote
+1 # ดีมากๆครับพระสมัย ปริปุญฺโญ 2014-01-24 01:37
เป็นธรรมะที่ผมต้องการที่จะศึกษาเรียนรู้ไ้ว้
Reply | Reply with quote | Quote
0 # พระพุทธฯสอนอะไร?พระธวัชชัย ชาคโร 2013-05-24 23:27
องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสสอนทางพ้นทุกข์คือ "สพฺพปา ปสฺส อกรณํ=การเว้นบาปทั้วปวง" - "กุสลสูปสมฺปทา=การทำกุศลให้ถึงพร้อม"-"สจิตปริโยทปน ํ เอตงฺ พุทธสาสนนฺติ=การทำใจให้หมดจดจากกิเลสทั้งปวง นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย" แล้วบาปคืออะไร? ,แล้วบุญคืออะไร? แล้วทำใจให้หมดจดจากกิเลสได้อย่างไร "ใครรู้กดไลท์ใครเข้าใจกดแชร์ที่แน่ แน่ ได้ทั้งบุญ+ทั้งปัญญา จ่ะ สาธุ ขอให้"โสตฺถิพวนฺตุเต"เทอญญญญญญ"(เชิญชมพระไตรปิฏก ฉบับแรกที่เฟสบุ๊คpracha Achakarol)+อ.แนบ มหานีรานนท์" :roll: :eek: :-* :cry: :o
Reply | Reply with quote | Quote
+7 # ถ้ารู้พระธวัชชัยชาคโร 2012-02-01 22:14
ถ้าทุกรูปนามรู้ว่าโลกมีทุกกับการแก้ทุกข์แล้วล่ะก็พ วกเราคงไม่ต้อง.........ใช่หรือไม่ใครช่วยตอบทีhttp: //www.analaya.com/components/com_jcomments/images/ smiles/rolleyes.gif
Reply | Reply with quote | Quote
+4 # #1 การประเคนanalaya 2011-11-11 10:46
Quoting suksri:
ได้รับความรู้มากๆเลยค่ะ จากเมื่อก่อนไม่เคยรู้
จะเข้ามาอ่านประจำ เพราะมีเรื่องที่ต้องศึกษาอีกมาก
สาธุ


อนุโมทนา สาธุค่ะ
Reply | Reply with quote | Quote
+4 # การประเคนsuksri 2011-11-11 09:33
ได้รับความรู้มากๆเลยค่ะ จากเมื่อก่อนไม่เคยรู้
จะเข้ามาอ่านประจำ เพราะมีเรื่องที่ต้องศึกษาอีกมาก
สาธุ
Reply | Reply with quote | Quote

Add comment


Security code
Refresh

Users
3568
Articles
271
Articles View Hits
3202032