ไก่งามเพราะขน.... แต่คน....ไม่ต้องแต่งก็งามได้......จึงขอเชิญชวนกันงามด้วยศีล งามด้วยความสำรวมระวังกาย วาจา และใจ….

 
ไก่งามเพราะขน.... แต่คน....ไม่ต้องแต่งก็งามได้......จึงขอเชิญชวนกันงามด้วยศีล งามด้วยความสำรวมระวังกาย วาจา และใจ….....โดยวิรังอง ทัพพะรังสี
 

หลายเดือนก่อน เพื่อน… Tida Wit โทรมาขอให้พาไปปฏิบัติธรรม เอาอย่างอ่อนๆ ก่อน คือ ๑ คืนก่อน เพราะเป็นครั้งแรก....เพื่อน ๒ คนก็เลยพากันไปนอนวัด ๑ คืน บวชเนกขัมมภาวนาถึอศีล ๘ โดยมีเพื่อนๆ อีก ๓ คนไปส่งและเอารถพร้อมคนขับรถกลับกรุงเทพฯ ไปด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรถกลับ ต้องค้างคืนแน่นอน....แล้วเพื่อนก็เปลี่นเป็นชุดนักบวช คือผ้าถุง เสื้อแขนกระบอก ห่มไสบ ล้างเครื่องสำอางค์ออกหมด สะพายย่ามใบเล็ก ตอนช่วยเพื่อนแต่งตัวนุ่งผ้าถุงห่มไสบก็แค่สำรวจความเรียบร้อยว่าเดินไปแล้วผ้าถุงไม่หลุดแน่ สไบคลี่ปิดเต็มบริเวณหน้าอกเรียบร้อย ผมเผ้ามัดรวบ....ระหว่างทางที่เดินไปยังที่สวดมนต์ แว๊ปหนึ่งได้หันไปดูเพื่อน พอได้ดูเพื่อนเต็มตา ใจเต็มตื้นขึ้นมาว่า  ๓๐ กว่าปีที่เป็นเพื่อนกันมา วันนี้เพื่อนสวยมากเลย สวยกว่าที่เคยเห็น ไม่ใช่สวยแบบโลกๆ แต่เพื่อนดูสวยสะอาดสะอ้านด้วยใบหน้าที่สดใส  เบิกบาน ปราศจากเครื่องสำอางค์แต่งแต้มใดๆ  ชุดขาวที่ไม่เคยเห็นเพื่อนใส่มาก่อนแม้ผ้าถุงจะกระปุกกระปุยไปหน่อย กับเสื้อตัวโคร่งหลวมใส่สบาย  ไม่ได้สวยเนี้ยบ แต่กลับแลดูดี ดูเบา ดูเป็นธรรมชาติมากถึงมากที่สุด และที่สำคัญ ได้เห็นเพื่อนวางได้ชั่วคราว นั้นคือ ละวางตัณหาทั้ง ๓ อันได้แก่ 

 

๑. กามตัณหา คือ ความยินดีติดใจในรูป รส กลิ่น เสียง สำผัส ที่ดี ที่น่ารักใคร่ น่าพอใจ  ในที่นี้คือละความยินดีติดใจในการการแต่งแต้มผัดทาต่างๆ ตลอดจนเครื่องแต่งกาย ด้วยสัมผัสของเนื้อผ้าและชุดที่แสนจะธรรมดา ได้ชั่วคราว

 

๒. ภวตัณหา คือ ความอยากเป็น อยากเป็นนั่นเป็นนี่ ในที่นี้หมายความถึงละความอยากที่จะต้องเป็นคนที่แลดูดี ดูสวยเสมอด้วยการผัดทา เพราะปกติผู้หญิงส่วนมาก จะออกจากบ้าน อย่างน้อย ก็ขอนิดนึง อย่างน้อยก็ลิปสติก เพราะกลัวหน้าจืด ไม่สวย แต่นี้มาวัดกลับพอใจกับหน้าตาที่ซีดๆ ไม่ต้องห่วงสวย  นับว่าได้ละความหลง ความยึดมั่นถือมั่นได้ชั่วคราว 

 

๓. วิภวตัณหา  คือความไม่อยากเป็น ในที่นี้คือนัยเดียวกับข้างบนแต่กล่าวเชิงปฏิเสธ คือ ผู้หญิงส่วนมาก ยิ่งเป็นคนสวย ก็มักจะกลัวว่าจะไม่สวย คือไม่อยากที่จะไม่สวย และคิดว่าการแต่งแต้มผัดทาทำให้สวยขึ้นจึงต้องเสริมแต่งเพราะไม่อยากให้คนเห็นตนไม่สวย นี้ก็เป็นวิภวตัณหา... แต่การมาบวชศีล ๘ แล้วก็ทำให้ได้ฝึกละความไม่อยากไม่สวยได้ชั่วคราว

 

ทั้งหมดนี้กล่าวยกตัวอย่างเพียงเรื่องการแต่งกายผัดทา ซึ่งเป็นข้อ ๗ ของ ศีลอุโบสถ คือนจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการฟ้อนรำขับร้อง ประโคมดนตรี และประดับร่างกายด้วยดอกไม้ของหอม เครื่องประดับ เครื่องทา เครื่องย้อม

 

แต่การบวชเนกขัมมภาวนาศีล ๘ อีก ๒ ข้อที่คือ วิกาลโภชนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการบริโภคอาหารในยามวิกาล (หลังเที่ยงถึงวันใหม่)

อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการนั่งนอนเหนือเตียงตั่ง ที่เท้าสูงเกิน ภายในมีนุ่นหรือสำลี

ก็เป็นการฝึกให้ละตัณหาทั้ง ๓ โดยนัยเดียวกับที่กล่าวข้างต้น แต่เกี่ยวเนี่องด้วย การละการบริโภคอาหารในยามวิกาล และ เรื่องที่นั่งที่นอน ซึ่งการออกจากเรือนย่อมไม่สุขสบายเหมือนการอยู่ที่บ้าน หากยังติดข้องอยู่ในตัณหาทั้ง ๓  ไม่โยนิโสมนสิการให้ถูกต้องได้แม้เพียงชั่วคราว ก็นับว่าน่าเสียดายเวลา....

 

วันนี้จึงกล่าวสรุปอีกครั้งว่า ไก่งามเพราะขน.... แต่คน....ไม่ต้องแต่งก็งามได้...นะคะ...จึงขอเชิญชวนกันงามด้วยศีล งามด้วยความสำรวมระวังกาย วาจา และใจ….

 
 

Add comment


Security code
Refresh

Users
3943
Articles
271
Articles View Hits
3512873