คำกล่าวรับรองว่าครูอาจารย์ท่านนั้นท่านนี้เป็นพระอรหันต์..หรือคำถามว่า..ครูอาจารย์ท่านั้นท่านนี้ท่านเป็นพระอรหันต์หรือเปล่า...ประโยคเหล่านี้..หลายคนคงเคยได้ยินมากบ้าง...ล่าสุด สองวันมานี้เพื่อน FB ท่านหนึ่งเกิดความสงสัยที่พระเถระนุเถระรูปหนึ่งลาสิกขาจากสมณเพศ ก็ได้เมสเสชมาคุยเรื่องนี้ยาวและถามหลายข้อ จึงขอโอกาสนี้ตอบรวมเพื่อเพื่อนๆ ท่านอื่นจะได้อ่านไปพร้อมกันค่ะ...เรื่อง "ความสงสัย" "การคาดคะเน" "ความเชื่อโดยสนิทใจ" ว่าพระสงฆ์รูปนั้นรูปนี้เป็นพระอรหันต์นี้ยังมีอยู่มากๆ ในสัคมพุทธ......เช่น ลูกศิษย์ที่ "คิดว่า" หรือ "ได้ยินเขากล่าวต่อๆ กันมา" ว่า อาจารย์ของตน หรือ พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปนั้นรูปนี้นั้นเป็นพระอรหันต์ แล้วก็กล่าวต่อๆ กันไปในวงกว้าง
เรื่องนี้โดยส่วนตัวเห็นว่า ครูอาจารย์ หรือพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านไม่กล่าวเรื่องนี้ ท่านไม่กล่าว-ไม่เปิดเผยว่าท่านเป็นพระอรหันต์ หากพระสงฆ์กล่าว ก็เป็นการอดวดอุตริฯ ส่วนใหญ่แล้วเป็นที่ลูกศิษย์ลูกหา หรือญาติโยมคาดคะเนกันไปเอง หากได้ยินกับหูว่าพระรูปใดกล่าวให้ลูกศิษย์ลูกหาเข้าใจว่าท่านเป็นพระอรหันต์ นั้นก็ขอให้เข้าใจว่านั้นน่ะ ไม่ใช่ของจริง ของจริง-พระอริยเจ้าจะไม่กล่าวว่าตนเป็นอริยะ แม้พระอริยบุคคลชั้นต้นคือพระโสดาบันบุคคล ท่านก็จะไม่กล่าวแสดงไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นทราบว่าท่านเป็นพระอริยบุคคลอย่างแน่นอน
ผู้ที่จะรับรองได้ว่าผู้ใดคือพระอริยบุคคล ก็คือพระผู้มีพระภาคเจ้า และพระอริยเจ้าที่บรรลุธรรมเสมอกันหรือสูงกว่า กล่าวคือ
พระอริยบุคคลมี ๔ จำพวก คือ พระโสดาบันฯ พระสกิทาคาฯ พระอนาคาฯ และพระอรหันตบุคคล
พระโสดาบันบุคคลสามารถทราบว่าผู้ใดเป็นพระโสดาบันบุคคล แต่ไม่อาจทราบว่าผู้ใดเป็นพระสกิทาคาฯ พระอานาคาฯ หรือพระอรหันต์
พระสกิธาคามิบุคคลสามารถทราบว่าผู้ใดเป็นพระโสดาบันบุคคล และพระสกิทาคาฯ แต่ไม่อาจทราบว่าผู้ใดเป็นพระอานาคาฯ หรือพระอรหันต์
พระพระอานาคามิบุคคลสามารถทราบว่าผู้ใดเป็นพระโสดาบันบุคคล พระสกิทาคาฯ และพระอานาคาฯ แต่ไม่อาจทราบว่าผู้ใดเป็นพระอรหันต์
พระอรหันตบุคคลสามารถทราบว่าผู้ใดเป็นพระโสดาบันบุคคล พระสกิทาคาฯ พระอานาคาฯ และพระอรหันต์
สรุปว่า แม้แต่พระโสดาบัน พระสิกทาคามี พระอนาคามี ก็ไม่สามารถทราบว่าผู้ใดเป็นพระอรหันต์
พระอรหันต์เท่านั้นที่จะทราบได้ด้วยตนเองว่าผู้ใดเป็น หรือไม่เป็นพระอรหันต์
การที่พระสฆ์จะเป็นพระอรหันต์หรือเป็นไม่เป็นนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ปุถุชนจะไปรับรองด้วยการคาดคะเนเดาเอาจากการสังเกตพิจารณาอากัปกิริยาศีลวัตร หรือแม้แต่ด้วยการสนทนาธรรม....
ผู้ที่กล่าวว่าพระสงฆ์ใดเป็นพระอรหันต์ จึงหมายความโดยนัย คือ
ผู้กล่าวนั้นต้องเป็นพระอรหันต์ด้วยจึงสามารถ "รับรอง" ได้ว่าพระสงฆ์รูปใดเป็นพระอรหันต์
พระพุทธองค์มิได้ทรงสรรเสริญเรื่องการอวดอ้างในความเป็นพระอริยบุคคล และมิได้ทรงสอนให้ชาวพุทธยึดติดกับบุคคลใดนอกเหนือไปจากการทำตนของตนให้ถึงสุดแห่งทุกข์ด้วยปัญญา
แต่ชาวพุทธจำนวนมากในปัจจุบัน จะเสาะแสวงหาครูอาจารย์ที่ตนคิด หรือได้ยินเขาเล่ามาว่าเป็นพระอรหันต์ แล้วไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ เคยได้ยินบ่่อยๆ ว่า ไปกราบพระอาจารย์นั้นนี้ ท่านเป็นพระอรหันต์ บางทียังไม่เคยพบ ไม่เคยฟังธรรมจากท่านเลยด้วยซ้ำ แต่เขาเล่ากันต่อๆ มา ก็เชื่อตามๆ กันไป
อีกประการหนึ่งที่น่าเป็นห่วงและเคยได้ยินได้ฟังมามาก คือ การที่คิดว่าครูอาจารย์เป็นพระอรหันต์เพียงเพราะท่านกล่าวบางอย่างแล้วตรงใจเรา หรือเหมือนล่วงรู้บางอย่างที่คนอื่นไม่ทราบ เป็นต้น โดยที่ท่านมิได้เมีเจตนาจะแสดงอะไร แต่ผู้ที่ได้ยินได้ฟังหรือสัมผัสก็ปรุ่งแต่งว่านี้น่ะ ท่านทราบอย่างนี้ได้ต้องไม่ธรรมดา ต้องเป็นพระอรหันต์แน่นอน อย่างนี้ก็มีมากด้วยเข้าใจว่าพระอรหันต์มีวิชชา มีอภิญญาล่วงรู้จิตใจผู้อื่นและสิ่งต่างๆ ได้ ที่ว่าน่าเป็นห่วงเพราะนี้เป็นความเห็นผิดซึ่งมักพบในคนที่ตื่นเต้นและชอบเรื่องฤทธิ์ต่างๆ ซึ่งเป็นอวิชชา
จริงอยู่ว่าการทำบุญกับพระอริยบุคคล โดยเฉพาะพระอรหันต์นั้น จะได้อานิสงส์ผลบุญมาก แต่ในเมื่อพระอรหันต์ท่านก็ไม่แสดงตน และก็ไม่มีผู้ใดสามารถรับรองได้ว่าผู้ใดเป็นพระอรหันต์....ดังนั้นจงเลิกแสวงหาพระอริยะเสียเถิด ฟังธรรมจากครูอาจารย์ท่านใดแล้วเข้าใจดี การปฏิบติที่ท่านสอนถูกกับจริต มีความก้าวหน้า ก็ฝากตนเป็นลูกศิษย์กับครูอาจารย์นั้น จะทำบุญใด ก็เลือกทำกับพระสงฆ์ที่ปฏิบัติตรงพระธรรมวินัย ที่รักษาศีลวัตร ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็เป็นบุญเป็นกุศลแล้ว
การได้ทำบุญ ได้พบเห็น ได้ใกล้ชิดพระหันต์แค่ไหน ถ้าไม่พากเพียรปฏิบัติด้วยตัวเองก็ใช่ว่าจะทำให้เราบรรลุธรรมได้เหมือนท่าน
ถ้าอยากทราบว่าผู้ใดเป็นพระอรหันต์ ก็ให้พากันหันมาสนใจพัฒนาตนให้เกิดณาณ เกิดปัญญา เกิดวิชชา ตัดภพตัดชาติให้สิ้นซากจนเข้าถึงความเป็นพระอรหันต์เมื่อนั้นแล้วก็จะทราบด้วยตนเองว่า ผู้ใดมีธรรมเสมอท่านโดยไม่ต้องคาดเดา
การคาดเดา การรับรองกันเอง ว่าพระสงฆ์รูปนั้นนี้เป็นพระอรหันต์ จึงเป็นเรื่องที่ชาวพุทธควรระวัง ระวังมิให้ "ความศรัทธา" กลายเป็น "ความยึดติด" จนไม่อาจทำใจได้เมื่อภายหลังพบกับความจริงว่าสิ่งทีเรามอง หรือตั้งไว้ในที่่สูงนั้น ไม่เป็นอย่างที่เราคิด....แต่แล้วจะโทษใคร นอกจากใจตนเอง ที่ไม่เชื่อพระพทุธเจ้าตรัสสอนไว้ว่าให้มีตนเป็นประทีป
มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ จงมีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ
สุดท้ายนี้ โดยส่วนตัวมีความเห็นว่าพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีอยู่ แต่ไม่เคยคาดเดา ไม่เคยมีเจตนาแสวงหาพระอรหันต์ และไม่เคยกล่าวว่าครูอาจารย์ท่านใดเป็นพระอรหันต์ คำถามหนึ่งในหลายๆ คำถามที่ถามมาในเมสเสช ถามว่า "พอจะบอกได๊ไหม๊ค่ะ เวลานี้มีองค์ใดเป็นพระอรหันต์บ้าง และ หลวงพ่อ.......วัด.........ท่าสำเร็จอรหันต์แล้วยังค่ะ หรือศิษย์คาดคะเน" หวังว่าบทความนี้คงจะได้ตอบปัญหาเกี่ยวกับพระอรหันต์ที่ถามมาบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
หมายเหตุ: พระพุทธองค์ทรงยกเว้นให้พระสงฆ์สามารถกล่าวถึงผลการปฏิบัติของตนได้โดยไม่ถือว่าเป็นการอวดอตุริฯ เฉพาะในกรณีที่พระสงฆ์ กล่าวแก่พระสงฆ์ หรือเฉพาะภายในหมู่พระสงฆ์ด้วยกันเอง และต้องเป็นการกล่าวแก่พระสงฆ์ที่กำลังเจริญกรรมฐานเท่านั้น ทั้งนี้เพื่ิอให้พระภิษุหมู่นั้นเกิดกำลังใจในการปฏิบัติ ว่าการปฏิบัติตามพระธรรมนั้นให้ผลได้จริง.....
วิรังรอง
๑๓ มิย. ๒๐๑๓