"เข้าวัดให้เป็น" พระธรรมเทศนา โดยพระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ
จากหนังสือ ทำไม
ถ้าหากเราไม่คิดทำความเข้าใจกับตัวเอง
ไม่สนใจว่าชีวิตมันคืออะไรกันแน่ ไม่อยากพัฒนาตน
การเข้าวัดก็ไม่เกิดประโยชน์
เหมือนคนไม่สบายไป รพ.
เพื่อบริจาคทรัพย์บำรุง รพ.โดยไม่คิดรักษาโรคของตัวเอง
เพราะยังไม่เจ็บมากก็เลยเสียดายเวลา
โรคของเรา คือความทุกข์
สาเหตุสำคัญ คือการไม่รู้จักตัวเองก็ถูกหลอกง่าย
พร้อมที่จะตกเป็นเหยื่อของสิ่งมายาทั้งหลายอยู่เสมอ
มัวแต่ดิ้นรนเพื่อจะได้สิ่งที่ชอบ และเลี่ยงสิ่งที่ไม่ชอบอยู่เสมอ
เชื่องมงายในร่างกาย
และจิตใจว่าเป็นเราเป็นของเรา
ก็ย่อมไม่เห็นความไม่เที่ยง
และความไม่มีเจ้าของของชีวิต
การปฎิบัติธรรมเท่านั้น
ที่จะช่วยให้เราเป็นอิสระจากกิเลสได้
การทำบุญอย่างเดียวไม่ปฎิบัติถึงจะทำให้มีสิ่งยึดเหนี่ยวอยู่ในใจบ้าง
แต่มันไม่มั่นคง
ลึกๆแล้วเราจะยังคงอยู่ในสภาพเดิม
คือเคว้งคว้างอยู่เหมือนเรือเล็กๆ
กลางทะเลอันกว้างใหญ่
มีเข็มทิศก็ใช้ไม่ค่อยเป็น
มีสมอก็ไม่รู้จักทอด
เอาแต่ประดับประดาเรือก่อนอับปาง
ชาวพุทธเราควรสนใจวิธีอุดรู วิธีวิดน้ำบ้าง
จะได้เอาตัวรอดได้
หากไม่สนใจศึกษาเรื่องตัวเอง
เข้าวัดแล้วสักแต่ว่าไหว้พระพอเป็นพิธี
ทำบุญบำรุงวัดตามประเพณี
แล้วออกไปชมต้นไม้บ้างก่อนกลับ
ไม่ใช่ว่าไม่ดี ดีอยู่หรอก
แต่ยังดีไม่พอ ศาสนา
ธรรมะเป็นสิ่งที่ต้องน้อมเข้ามาเป็นเครื่องชำระ
วัดอยู่ได้เพราะน้ำใจของญาติโยม
ลูกศิษย์หลวงพ่อชารังเกียจการเรี่ยไรที่สุด
จึงอยู่ได้ด้วยศรัทธาของญาติโยมโดยแท้
การช่วยทางปัจจัยสี่สำคัญเหมือนกัน
แต่พระที่ดีท่านไม่ยินดีในเรื่องนี้
กราบนมัสการครูบาอาจารย์
หรือไปจำศีลปฏิบัติธรรม
พยายามระลึกอยู่เสมอว่า
จุดประสงค์ของเรา
ควรอยู่ที่ความดีความสงบและปัญญา
ระวังอย่าวุ่นบุญก็แล้วกัน
อย่านั่งในโรงครัวทานอาหารคุยเรื่องทางโลก
วิจารณ์เรื่องการบ้านการเมือง
พรรคไหนดี พรรคไหนเลว
หรือนินทาลูกเขยลูกสะใภ้
อย่าคุยในเรื่องใดที่เพิ่มกิเลสในใจทั้งของผู้พูดและผู้ฟัง
หรือพูดให้ชาววัดแตกแยกกัน
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าเสียดายเวลาที่สละเข้าวัด
เรียกว่าเข้าวัดแต่ไม่ถึงวัด
ฉะนั้นมาถึงที่ร่มเย็นอย่าให้มันร้อน
ต้องฝึกให้เย็นสิ
ตัวเราจึงจะเหมาะกับสถานที่
ให้น้อมนำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาสู่ใจเรา
สำรวมกาย วาจา ใจ
หาอุบายแก้ข้อบกพร่องที่อยู่ในใจ
เสริมสร้างสิ่งที่ดีงามอย่างนี้คือการเข้าวัดที่เข้าท่า
ได้ทั้งวัตรปฏิบัติ
ได้ทั้งเครื่องวัดตัวเอง
ในพระพุทธศาสนา วัดเป็นสถานที่สำคัญ
แต่ศาสนาที่แท้ไม่ติดอยู่ที่สถานที่
ศาสนาไม่ได้อยู่ที่วัด
ไม่ได้อยู่ที่ตู้พระไตรปิฎก
ไม่ได้อยู่ที่ไหน
มันอยู่ที่เรา
อยู่ที่เราแต่ละคน แผ่นดินไหว
หรือผู้ก่อการร้ายบุกเข้ามาวางระเบิดหน้าพระประธานวัดป่านานาชาติ
จนวัดเหลือแต่หลุมลึก
ผู้ที่ยังเหลืออยู่ ต้องอดทน
อย่าพึ่งโกรธ
ศาสนาก็ไม่ได้สูญหายไปกับวัตถุ
ชาวพุทธเราควรสร้างวัดให้พอดีแก่กิจของสงฆ์
และช่วยท่านรักษาสิ่งที่สร้างแล้วอย่างดี
แต่อย่าพึงลืมว่าวัดเป็นแค่สิ่งที่เอื้อต่อการศึกษาและปฏิบัติธรรม
การสร้างศาสนวัตถุก็ได้บุญอยู่หรอก
ได้บุญเยอะ
แต่ยังไม่ใช่ ยังไม่ถึงสิ่งสูงสุดที่เราควรได้รับจากการเป็นชาวพุทธ
วัตถุเป็นเพียงฐานของการเข้าถึงแก่นแท้ของพระศาสนา
ขอบคุณ : http://www.kanlayanatam.com
และคุณ Woranee Katisawatwong ที่ส่งมาให้ทางอีเมลล์ค่ะ