หลวงพ่อสอนว่า......ให้ดูที่การกระทำ ไม่ใช่..คำพูด - ท่านไม่มีอุปกรณ์ไฮเทค

Article Index

 

 

 

 

 

 

ท่านไม่มีอุปรกรณ์เครื่องมือสื่อสารไฮเทค ไม่มีทีวี ไม่มีวิทยุเทปใดๆ โทรศัพท์ก็รุ่นเก่ามากและใช้เป็นโทรศัพท์อย่างเดียว การจัดการภารกิจและกิจนิมนต์ก็ทำแบบง่ายๆ  บนกุฏิจะมีกระดานใหญ่ ๒ แผ่นสูงประมาณ เมตรห้าสิบเซ็นต์เพื่อจดรายการภารกิจการประชุมคณะสงฆ์ นัดหมายแพทย์ และกิจนิมนต์ล่วงหน้าสามเดือนทั้งรอบเช้ารอบเพลรอบบ่าย  ญาติโยมแต่ละคนที่มา หากจะนิมนต์ท่านหรือพระในวัด ต่างก็จะตรวจดูตามตารางบนกระดานที่ท่านให้ดูได้อย่างเปิดเผย ถ้ายังพอมีช่องว่างก็เอาปากกาแบบลบได้ที่วางอยู่ เขียนรายละเอียดไว้เอง หากระบุว่านิมนต์ท่านด้วย และเป็นเวลาที่ท่านไม่ติดภารกิจอื่น ท่านก็ไปให้ เรียกว่า ใครมาก่อนได้นิมนต์ก่อน First Come First Serve จริงๆ ดูแล้วเหมือนท่านจะไม่มีเวลาพักผ่อนเอาเสียเลยเพราะกระดานเต็มตลอด และแบบนี้นี่เองท่านจึงไม่ต้องมีพระเลขา เนื่องจากทุกวันท่านก็จะมาตรวจดูรายการกิจนิมนต์เองว่าในแต่ละวันท่านมีกิจนิมนต์ใดบ้าง ท่านก็จะจัดพระในแต่ละสายในแต่ละกิจนิมนต์ ข้าพเจ้าเห็นว่านี้เป็นวิธีที่เรียบง่ายมาก และญาติโยมที่มาก็รู้สึกดีๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งขามาขากลับออกไป

 

เรื่องกระดานดังกล่าวนี้ก็มีเรื่องเล่าที่เกือบขำไม่ออกว่า นานมาแล้วตอนที่ไปกราบท่าน ช่วงนั้นยังไม่ได้เข้าวัดเข้าวาปฏิบัติธรรมเหมือนสมัยนี้ ระหว่างที่นั่งรออยู่บนกุฏิในขณะที่ญาติโยมท่านอื่นๆ กำลังสนทนากับท่าน ตอนนั้นข้าพเจ้ายังไม่เข้าใจเรื่องความสำคัญของกระดาน ๒ แผ่นนั้น ข้าพเจ้าเป็นคนที่ยุกยิก มองไปที่กระดานก็เห็นว่ากระดานมองดูไม่สะอาดมีสีแดงบ้างน้ำเงินบ้าง เส้นแบ่งแต่ละช่องขีดไม่ตรงและลบหายไปบ้าง บางคนมาเขียนไว้แล้วลบ แล้วลบไม่หมดบ้าง ลายมือก็เล็กมาก หวัดอ่านแทบไม่ออก และมีสารพัดลายมือ ข้าพเจ้าคิดว่าคงเป็นรายการที่ลอกมาและสามารถเขียนใหม่ได้ ข้าพเจ้านึกไม่ถึงว่าท่านให้ญาติโยมเป็นคนเขียนกระดานเอง และนึกไม่ถึงว่ากระดานนี้จะเป็นหลักฐานเดียวที่เป็นศูนย์รวมกิจของวัด ข้าพเจ้าก็เจตนาดีจะทำความสะอาดกระดานนั้นและเขียนใหม่ทั้งหมดให้สวยๆ  เริ่มด้วยการตีเส้นใหม่ ข้าพเจ้าจึงกราบเรียนท่านว่าข้าพเจ้าจะทำความสะอาดกระดาน ท่านก็คงงงๆ และไม่ทันได้กล่าวอะไร ข้าพเจ้าก็ลบข้อความบนกระดานนั้นออกไปสองที ท่านจึงกล่าวว่าอย่าลบ แล้วท่านก็ลุกเดินมาที่กระดานมองอย่างเพ่งพิศ เพื่อดูว่าที่ลบออกไปยังพออ่านออกไหม โชคดีที่ปากกาลบยาก ยังพอมีให้อ่านบ้างบางบันทัด ท่านก็ไม่ได้ตำหนิข้าพเจ้าสักคำ แล้วท่านก็พยายามนึกว่าข้าพเจ้าลบอะไรออกไปบ้าง ผลปรากฏว่า วันนั้นข้าพเจ้าจึงต้องขับรถไปตามบ้านผู้ที่ท่านพอจำได้ว่านิมนต์ไว้แต่ไม่แน่ใจเวลาบ้าง กิจใดบ้าง ข้าพเจ้าก็ไปกดกริ่งตามบ้าน...ถาม...ขอโทษนะคะบ้านนี้นิมนต์หลวงพ่อไว้หรือเปล่าคะ..วันที่เท่าไรคะ เวลาใดคะ... กิจใดคะ...โชคดีที่หลวงพ่อท่านจำญาติโยมได้ มิเช่นนั้นยุ่งแน่....

 

ข้าพเจ้าเพิ่งเคยเห็นในกุฏิท่านมีเก้าอี้เมื่อไม่นานมานี้  เพราะขาท่านบวมมากจนบางเวลาเมื่อท่านใส่รองเท้าแล้วเท้าจะชาจนรองเท้าหลุดโดยไม่ทราบตัว  ไม่นานมานี้ลูกศิษย์ลูกหาจึงถวายเก้าอี้มีที่รองขาและขอให้ท่านนั่งบนเก้าอี้แทน เพราะท่านนั่งกับอาสนะบนพื้นขาจึงกดทับกันอยู่นาน นี้คงจะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ขาท่านบวมมากและมีเส้นเลือดขอด ที่ท่านนั่งกับพื้นก็พื้นเรียบจริงๆ ไม่มีตั่ง ดังนั้นเวลาลุกนั่งก็จะลำบากเมื่อท่านอายุสูงขึ้น ท่านบอกว่าท่านนั่งกับพื้นรับแขกเช่นนี้มาตั้งแต่ปี ๒๕๑๔ 

 

ท่านเคยเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า ท่านเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ตั้งแต่จบ ป. ๔  ข้าพเจ้านับถือท่านในเรื่องที่ท่านไม่เคยที่จะหยุดที่จะเรียนรู้ และศึกษาสิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ หลายครั้งที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรับใช้พาท่านไปพบแพทย์ ระหว่างทางท่านจะหยิบสมุดจดที่ท่านจดคำศัพย์ภาษาอังกฤษขึ้นมาอ่านทบทวน ข้าพเจ้ารู้สึกทึ่งสมุดของท่านมาก ท่านจดเอง ศัพท์และประโยคทักทายต่างๆ เวลาท่านไปอินเดีย ชาวอินเดียจะพูดภาษาแบบอังกฤษยุคเก่า ท่านก็จดไว้ คำพูดเพื่อกล่าวในงานต่างๆ ท่านก็เตรียมไว้เช่นคำอวยพร คำนสอนคู่สมรสสำหรับงานแต่งงาน งานทำบุญบ้านเป็นภาษาอังกฤษ ศัพท์คำสอนในพระพทุธศาสนาซึ่งยากแต่ท่านก็ท่องจำในส่วนที่ท่านจะต้องใช้สอน ท่านไม่อ่านหนังสือพิพม์ไทย กุฏิท่านนอกจากหนังสือธรรมะแล้วก็มีหนังสือของคณะสงฆ์ พจนานุกรมไทยอังกฤษ อังกฤษไทย และหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษซึ่งท่านอ่านเพื่อฝึกภาษา ท่านอ่านจากหนังสือพิ่มพ์เรื่องฝรั่งกล่าวถึงศาสนาพุทธและท่านพทุธาส แล้วก็นำมาเล่าให้ลูกศิษย์ลูกหาฟัง เมื่อสองเดือนก่อนมีชาวฮ่องกง ๒ คน ติดต่อมาขอบวช ท่านรับไว้โดยให้พักอยู่ที่บริเวณเขตกุฏิท่าน โดยท่านดูแลอบรมเองอย่างใกล้ชิด ท่านนำเดินจงกรมให้ดูเป็นตัวอย่างทุกวัน และสอนการภาวนา เมื่อข้าพเจ้านำของเยี่ยมท่านไปวางไว้ที่ห้องในโรงพยาบาล ขณะนั้นท่านยังอยู่ในห้อง CCU ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะที่วางอาหารที่เลื่อนใด้บนเตียงผู้ป่วย มีหนังสือ "เจริญพระพุทธมนต์ " ปกสีเหลือง และมีเหมือนอะไรสักอย่างคั่นหนังสือเหมือนอ่านค้างไว้ ทำให้้ข้าพเจ้าอึ้งไปว่า ตอนแรกที่ยังไม่ทราบว่าต้องผ่าตัด คุณหมอกราบเรียนท่านเพียงว่าให้เข้าจำวัดที่โรงพยาบาลเพียง ๑ คืนเพื่อเข้าเครื่องตรวจดูทั้งร่างกาย ท่านก็ยังติดหนังสือนี้มาอ่านทั้งๆ ที่ท่านก็คงจะจำได้ขึ้นใจอยู่แล้ว ท่านใช้เวลาอย่างมีคุณค่าจริงๆ 

 

Comments   

0 # มาคนเดียว ไปคนเดียวมาคนเดียว ไปคนเดียว 2013-11-19 22:05
:-) ครูบาอาจารย์บางท่านที่น้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาส อนลูกศิษย์ แต่ตนเองกลับทำตรงข้ามกับที่สอน หรือเลือกทำตามบางอย่าง ละเลยบางอย่าง
หรือยังติดอยู่ในโลกียรมณ์เล็ก ๆ น้อย
ในสมัยนี้หรือสมัยก่อนก็มีให้เห็นอยู่เกลื่อน มิได้ว่างเว้น

จึงเป็นหน้าที่ของศิษย์ ที่ต้องพิจารณาด้วยตนเองเพื่อที่จะได้วางใจให้ถูก หากพิจารณาแล้วเห็นว่าสิ่งใด
ที่ทำแล้วจะเป็นการพอกพูนเหตุแห่งทุกข์
ยังสร้างเหตุแห่งการเบียดเบียน ก็ควรเลี่ยงเสีย
ไม่เข้าไปร่วมสร้างวิบากกรรมที่ไม่ดี พอกพูนกรรมเก่า ให้สังสารวัฎนี้ต้องยืดยาวออกไปอีก
แต่หากยังยินดีที่จะเวียนว่ายตายเกิดเกิดตายอย่างไม่อิ่มไม่เบื่อในสังสารวัฎนี้อยู่เรื่อยไป นั่นก็เป็นสิทธิ์ของเขาและเราเช่นกัน ที่จะเลือกตกแต่งภพชาติใหม่ โดยสร้างเหตุที่ดีในภพชาตินี้

แต่ถึงอย่างไรก็ตามในฐานะลูกศิษย์ ถึงแม้ครูอาจารย์ของเราจะยังไม่ใช่แบบอย่างที่สมบูรณ ์แบบ
เราก็ยังสามารถเคารพอาจารย์ท่านนั้นได้ ในฐานะผู้มีพระคุณของเรา ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลท่านให้สมควรตามธรรม ท่านยังเป็นกัลยาณมิตรของเราได้
เพราะท่านนำคำสอนในส่วนของปริยัติมาบอกกล่าวให้เราได ้รู้จัก

ส่วนเรื่องปฏิบัติและปฏิเวธนั้น เราต้องสร้างให้เกิดขึ้นเองภายในตน ไม่มีใครที่จะช่วยให้เราพ้นทุกข์ได้ นอกจากตัวเราเอง
Reply | Reply with quote | Quote

Add comment


Security code
Refresh

Users
3539
Articles
271
Articles View Hits
3194615